เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อกระดาษได้เป็นเพื่อนกับปากกา ปากกากับกระดาษเข้ากันได้เป็นอย่างดีเพราะปากกานั้นอยากที่จะลองเขียนข้อ ความและวาดลวดลายใส่บนตัวกระดาษที่ขาวสะอาด แต่กระดาษก็ยังคงห่วงความขาวสะอาดของตนเอง ไม่อยากให้ตนเองต้องเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหมึกจากปากกา จึงปฏิเสธปากกาอยู่เรื่อยมา ถึงอย่างนั้นปากกาก็ยังคงเก็บความต้องการของตน อยู่ในใจ และยังคงยอมเป็นเพื่อนกับกระดาษ
จนกระทั่ง...ในวันหนึ่งขณะที่กระดาษกำลังจะเดินผ่านดินสอที่อยู่ข้าง ทาง จู่ๆดินสอก็พุ่งปลายแหลมสีดำของตนเองเข้ามาขีดเขียนข้อความใส่กระดาษอย่าง บ้าคลั่ง กระดาษผู้น่าสงสารไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ จึงถูกดินสอขีดเขียนจนเต็มหน้ากระดาษ
หลังจากนั้นดินสอก็จากไป
ทิ้งให้กระดาษที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาร์บอนเศร้าโศกกับรอยเปื้อนที่ดินสอเป็น
ผู้มอบให้ กระดาษแบกรับคาร์บอนไว้บนตัว
และตัดสินใจที่จะเดินทางกลับไปหาเพื่อนเก่าของตนนั่นคือกองกระดาษกองเดิมที่
ขาวสะอาดและถูกเก็บเรียบร้อยอยู่ในซอง
"กลับไปซะ เจ้าไม่ขาวสะอาดเหมือนพวกเราอีกแล้ว" กระดาษสีขาวสะอาดแผ่นหนึ่งในกองกระดาษพูดขึ้น
"เจ้ามีเนื้อตัวมอมแมมเช่นนี้ หากอยู่รวมกับพวกเราจะทำให้เราเลอะไปด้วย" กระดาษ
อีกแผ่นหนึ่งพูดขึ้น แม้กระดาษในกองนั้นจะไม่ได้พูดเหมือนกันทุกแผ่น
แต่ก็ไม่มีกระดาษแผ่นใดยอมรับกระดาษเปื้อนคาร์บอนแผ่นนี้เลย
กระดาษแผ่นนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเดินทางกลับไปหาปากกา
เพื่อนซึ่งมันได้พบระหว่างการผจญภัย เพื่อให้ปากกาช่วยเหลือ
เมื่อกระดาษเดินทางมาถึงที่พักของปากกา จึงเรียกให้ปากกาออกมาหา
เมื่อปากกาเห็นกระดาษ ปากกาไม่สามารถจำกระดาษได้เลย
เพราะกระดาษไม่ได้ขาวสะอาดเหมือนเดิมอีกแล้ว
แต่เมื่อได้คุยกันจึงเชื่อว่ากระดาษที่อยู่ตรงหน้าเป็นกระดาษแผ่นเดียวกับ
ที่เป็นเพื่อนของตน
ปากกาจึงตอบตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือกับกระดาษซึ่งเป็นเพื่อนของเขา
ปากกาตัดสินใจจะพากระดาษไปพบกับยางลบซึ่งเป็นเพื่อนของเขา ทั้งคู่จึงเริ่มออกเดินทางไปหายางลบ
ระหว่างทาง...กระดาษกับปากกาก็ได้พบกับกระดาษอีกเป็นจำนวนมากซึ่งอยู่ใน
กองกระดาษReuse
ซึ่งกระดาษทุกแผ่นในกองนั้นล้วนแล้วแต่มีร่องรอยเปรอะเปื้อนเต็มหน้า
กระดาษ1หน้า และมีด้านที่ยังขาวสะอาดอีกหนึ่งด้าน
ในจำนวนนั้นมีกระดาษบางแผ่นซึ่งถูกดินสอขีดเขียนใส่เช่นเดียวกันกับกระดาษ
แผ่นนี้
กระดาษในกองนั้นต่างก็พยายามชักชวนให้กระดาษแผ่นนี้เข้าไปอยู่ด้วย และได้พูดขึ้นว่า
"ถึงจะถูกขีดเขียนไปแล้วหนึ่งด้าน แต่เจ้าก็ยังมีประโยชน์อยู่นะ" กระดาษที่ถูกหมึกพิมพ์ไปแล้วด้านหนึ่งพูดขึ้น
"มาอยู่กับพวกเราเถอะ อีกด้านหนึ่งของเจ้ายังใช้ได้ พวกเราเหมือนกันนะ"
กระดาษที่ถูกดินสอเขียนลงไปบนตัวเหมือนกันได้ชักชวนซ้ำ
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กระดาษที่เคยขาวแผ่นนี้เปลี่ยนใจ
และยังตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าต่อไปเพื่อพบกับยางลบ....
เมื่อกระดาษและปากกา ได้พบกับยางลบ ยางลบได้ตอบตกลงที่จะช่วยกระดาษ
ลบรอยคาร์บอนที่ดินสอทิ้งไว้ออกให้
แต่กระดาษจะต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ซึ่งกระดาษก็ตอบตกลง
การลบจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เสียงร้องของกระดาษทำให้ปากกากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเพื่อนและเดินทางกลับไปก่อน...
หลายชั่วโมงผ่านไป การลบของยางลบก็เสร็จสิ้น
ซึ่งก็ทำให้ยางลบหดเล็กลงไปมาก
แต่ยางลบก็เต็มใจที่จะทำเพื่อความขาวสะอาดของกระดาษ แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น
ยังไม่เป็นที่พอใจของกระดาษเท่าใดนัก
เพราะยังมีบางจุดบนกระดาษที่ยังมีรอยคาร์บอนจางๆที่ลบไม่ออกอยู่
นอกจากนี้ยังบางจุดบนตัวกระดาษที่เป็นขุย
ทำให้กระดาษแผ่นนี้ไม่ขาวเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดีกระดาษก็ขอบคุณยางลบและเดินทางกลับพร้อมกับปากกา
...ระหว่างทางกระดาษได้พบกับกองกระดาษReuseอีกครั้ง
ซึ่งกระดาษในกองก็ยังได้ชักชวนกระดาษแผ่นนี้อีกเช่นเคย
แต่กระดาษแผ่นนี้ก็ยังตัดสินใจว่าจะลองกลับไปหากระดาษสีขาวกองเก่าที่ตนเคย
อยู่มาก่อน
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กระดาษแผ่นนี้ถูกปฏิเสธ
"ไปซะเถอะ เจ้ายังมีรอยเลอะอยู่เลย จะมาอยู่กับพวกเราได้ยังไง"
"ผิวของเจ้าไม่เรียบเหมือนแต่ก่อนแล้ว จะเอามาใช้ประโยชน์แบบพวกเราได้ยังไง"
เสียงขับไล่ของเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ในกองเดียวกันทำให้กระดาษเสียใจเป็น
อย่างมาก ปากกาต้องคอยปลอบไม่ให้กระดาษเสียใจ
และได้บอกกับกระดาษว่าเขายังรู้จักเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งสามารถทำให้รอยดินสอ
กับขุยกระดาษบนตัวกระดาษหายไปได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกระดาษแผ่นนี้ดีใจเป็นอย่างมาก เขากำลังมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง....
หลังจากเดินทางไปไม่นานนักเขาก็ไปถึงบ้านของเพื่อนของปากกาที่มีชื่อว่า
กรรไกร
กรรไกรบอกกับกระดาษว่าจะทำให้ร่องรอยเลอะเทอะทั้งหมดไม่อยู่บนตัวของกระดาษ
อีก แต่กระดาษจะต้องทนเจ็บมากกว่าที่ยางลบเคยทำกับกระดาษ
กระดาษอยากได้ความขาวที่ไม่มีรอยเปื้อนกลับคืนมา กระดาษจึงตัดสินใจยอมให้กรรไกรจัดการ
เมื่อเป็นเช่นนั้นกรรไกรจึงตัดรอยเปื้อนและขุยทั้งหลาย บนตัวของกระดาษออก ซึ่งนั่นทำให้กระดาษกลับมาขาวสะอาดทั้งแผ่นอีกครั้ง...
กระดาษซึ่งเปลี่ยนโฉมไปจากเดิมได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปหากองกระดาษกอง
เดิมที่เขาเคยอยู่อีกครั้ง
ซึ่งคำตอบที่เขาได้รับคราวนี้กลับทำให้เขาเสียใจมากไปกว่าเดิมอีก
"ถึงเจ้าจะขาวไปทั้งตัว แต่เจ้าเป็นกระดาษที่ขาด จะไปมีประโยชน์เหมือนพวกเราได้ยังไง"
เสียงนั่นทำให้กระดาษเศร้าใจเป็นอย่างมาก
และไม่คิดที่จะกลับไปหากองกระดาษกองเดิมอีก
หลังจากที่นั่งเศร้าใจอยู่พักหนึ่ง มันก็คิดได้ว่ายังมีกองกระดาษReuse
ซึ่งเคยเรียกให้มันเข้าไปอยู่ด้วยถึงสองครั้ง
มันจึงไม่รอช้ารีบเดินทางไปหากองกระดาษกองนั้น
"ขอฉันเข้าไปอยู่กับพวกเธอด้วยสิ" กระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยรู เอ่ยขึ้น
"ไม่ได้หรอก ถึงเธอจะขาวสะอาดกว่าพวกเรา แต่เธอก็มีแต่รู ไม่ได้เป็นกระดาษเต็มแผ่นเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว"กระดาษเปื้อนหมึกแผ่นหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ใช่ เธอไม่ได้มีหน้าว่างที่ขีดเขียนได้เต็มที่เหมือนกับพวกเรา เธอจะอยู่กับพวกเราไม่ได้หรอก" กระดาษ
ที่เปื้อนรอยดินสอพูดขึ้น และนั่นทำให้กระดาษสีขาวที่มีร่องรอยการถูกตัด
รู้สึกเสียใจและเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปร่วมกับกองกระดาษ Reuse ตั้งแต่แรก
....
...
..
.
"อย่าเสียใจไปเลย" ปากกาซึ่งคอยตามกระดาษมาห่างๆได้ปรากฏตัวขึ้น มันเดินตามกระดาษมาตลอดทาง เพราะความเป็นห่วงว่ากระดาษจะสามารถหาเพื่อนได้หรือไม่
"ตอนนี้ฉันเข้ากับใครก็ไม่ได้ ฉันมันไร้ค่า" กระดาษที่เต็มไปด้วยรูพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
"ไม่มีใครไร้ค่าหรอก เธอยังมีค่ากับโลกใบนี้อยู่" ปากกายังคงพูดปลอบใจกระดาษ
"ฉันนี่นะ มีค่า" กระดาษพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ปนสะอื้น เพราะคิดว่าปากกาแค่พูดปลอบไปตามสถานการณ์แต่ไม่ได้พูดจากใจจริง
"เธอยังมีค่าอยู่ ฉันสามารถทำให้เธอมีประโยชน์ขึ้นมาได้" ปากกาพูดย้ำถึงคุณค่าในตัวของกระดาษที่เต็มไปด้วยรูอีกครั้ง
"ยังไงล่ะ" กระดาษเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อหูของตนเอง
....
...
..
.
หลังจากนั้นไม่นาน ไม่มีใครพบเห็นกระดาษสีขาวที่เต็มไปด้วยรูแผ่นนั้นอีก
แต่บรรดาอุปกรณ์เครื่องเขียนทั้งหลาย
ได้พูดกันว่าที่หน้าร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่งจะมีโมบายกระดาษสีขาวมี
แผ่นหนึ่ง ซึ่งมีลวดลายสวยงามถูกแขวนประดับอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น