วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

Think-Tank : อาชีพที่คนไทยควรรู้จัก

       ถ้าพูดถึง Think-Tank ในประเทศไทย จะต้องเป็นคำที่ไม่คุ้นหูกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ใช้อินเตอร์เน็ต แทบจะไม่รู้จักอาชีพนี้เลย แต่มาเข้าเรื่องเลยดีกว่าค่ะ
       Think Tank หมายถึง กลุ่มคนที่เปรียบเสมือนคลังสมอง คือกลุ่มที่ชอบคิดนั่นแหละค่ะ แต่คิดออกมาแล้วจะต้องมีประโยชน์ ในประเทศไทยอาชีพนี้น่าจะเรียกว่า"นักคิด"มั้งคะ มีนักคิดหลายๆคนมาร่วมกันระดมสมอง เพื่อกำหนดวิธีการหรือแก้ไขปัญหาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และจะต้องมีหน่วยงานเป็นหลักแหล่ง ไม่ใช่ทำกันแค่ชั่วคราว Think Tank เป็นอาชีพที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และจีน แล้วเพราะอะไรที่ทำให้อาชีพนี้เป็นอาชีพธรรมดาทั่วไปของประเทศที่พัฒนาแล้ว? นั่นเพราะ ก่อนที่เขาจะพัฒนาได้ ต้องมีThink Tank!

       ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ อย่างแรกที่ต้องทำก็คือคิดนี่แหละค่ะ แล้ว Think Tank เขาคิดอะไรกัน?
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสังคมที่พวกเขาอยู่เลยค่ะ เพราะถ้าได้อ่านประวัติการก่อตั้งองค์กรคลังสมองนี้ครั้งแรก เชื่อกันว่าเริ่มต้นจากการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการตั้ง War Room(ห้องบัญชาการสงคราม) ขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งทำหน้าที่วางแผนนโยบายต่างๆโดยเฉพาะการทหาร

        ต่อมาองค์กรนี้ได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา และมีการทำหน้าที่อย่างหลากหลาย ไม่ใช่แค่การเมืองการปกครองเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งปัจจุบันนี้สหรัฐมีองค์กร Think Tank เป็นจำนวนมากที่สุดในโลก ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ"สหรัฐเป็นสังคมของการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์(debating society) ที่อยู่บนพื้นฐานของการใช้ความรู้และงานวิจัยเป็นหลัก รวมทั้งเป็นสังคมที่มีลักษณะพหุสังคมที่แท้จริงคือปล่อยให้กลุ่มต่างๆ สามารถแสดงความคิดเห็นได้หลากหลาย มีเสรีภาพในการแสดงออก(freedom of expression) เสมือนเป็นวัฒนธรรม วิถีของสังคมว่า คนชอบคิด ชอบศึกษา ชอบวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยู่บนพื้นฐานของการวิจัยและการมีข้อมูลที่เพียงพอเพื่อประกอบการวิจารณ์ การที่ฐานของสหรัฐอเมริกาโตเร็วและเป็นศูนย์กลาง think tank ของโลก ก็เพราะว่า ทั้งในส่วนของค่านิยม วิธีคิด วิถีสังคมแล้ว ยังมีลักษณะทางระบบเศรษฐกิจเอื้ออำนวย เพราะภาคเอกชนเป็นพวกที่ชอบคิดเช่นเดียวกัน"

        ประเทศที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ จีน ในช่วงที่จีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและก้าวขึ้นเป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐ เป็นช่วงเดียวกับการมีThink Tank เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในจีน ซึ่งหลักๆคือพวกที่คิดเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจำนวนThink Tankในสหรัฐก็ยังคงมีมากที่สุดในโลก
และไม่ต้องไปไหนไกลค่ะ อินเดีย กัมพูชา ประเทศเหล่านี้ก็มีThink Tank เช่นเดียวกัน องค์กรThink Tank อาจจะสังกัดหรือไม่สังกัดหน่วยงานราชการก็ได้ ขึ้นอยู่กับระบอบการปกครองของแต่ละประเทศ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก http://www.siamintelligence.com/songsak-interview/ )
        และนี่เป็นข้อมูลที่น่าใจหายมากค่ะ แต่เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างเก่านะคะ ตั้งแต่ปี2552     
  Think-Tank ในประเทศไทย เปรียบเทียบกับทั่วโลกและเอเชีย
1
จำนวน Think-Tank ทั่วโลก 5,080
2
จำนวน Think-Tank ในเอเชีย 601
3
จำนวน Think-Tank ในประเทศไทย 8

3.1
สัดส่วนต่อ Think-Tank ทั่วโลก (%) 0.16

3.2
สัดส่วนต่อ Think-Tank ในเอเชีย (%) 1.33

3.3
Rank ในระดับโลก 83 (ใน 193)

3.4
Rank ในระดับภูมิภาค (เอเชีย) 16 (ใน 34)
       
        แต่ผ่านมา 3 ปี จนกระทั่ง 2555 ประเทศของเราก็ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่เดิม...
แต่อย่าเพิ่งท้อกันค่ะ พอดีเพิ่งได้ข้อมูลใหม่มา คือมีการผลิตหนังสือ "Transform Thailand – การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย" ซึ่งขับเคลื่อนโครงการโดยผู้นำรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับThink Tankนี่แหละค่ะ 1ในนั้นมีพี่สิงห์ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ซึ่งเป็นไอดอลของพิมด้วยค่ะ(แอบโปรโมท ฮ่าๆ) ดูรายละเอียดได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://thai-ahr.org/2012/03/06/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD-transform-thailand-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5/

         ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่าทำไมต้องเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจก่อน แต่โดยส่วนตัวเห็นด้วย เพราะคิดว่าจะพัฒนาประเทศได้ต้องเริ่มจากปากท้องของประชาชนก่อนค่ะ เห็นได้จากต้นเหตุของปัญหาเกือบทั้งหมดก็เริ่มจากเรื่องเงินๆทองๆและความไม่ยุติธรรมจากการกระจายรายได้ที่ไม่เหมาะสมนี่แหละ ไม่เพียงเท่านี้นะคะพื้นฐานทางจิตวิทยาก็ได้บอกไว้ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับกันว่าปัจจัยสี่(อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค)เป็นสิ่งพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ ตามกฏความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ของอับราฮัม มาสโลว์

        จริงๆใช่ไหมหล่ะคะ มนุษย์เราอยู่รอดได้ด้วยปัจจัยสี่นี่แหละค่ะ เรื่องความรัก ศรัทธา หรือศักดิ์ศรี เอาเข้าจริงๆแล้วมาทีหลังค่ะ เพราะฉะนั้นการคิดวางแผนอะไรก็แล้วแต่ สำคัญคือต้องรู้ใจคน เพราะเราอยู่ในสังคม เราอยู่กับคนค่ะ
        ที่ผ่านมาสังเกตได้ชัดเจนมากว่าสังคมของเรา เรื่องดีๆอย่างนี้จะไม่ค่อยดังค่ะ คุณทรงศัก สายเชื้อ รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ประจำกระทรวงต่างประเทศ ได้พยายามออกมาจุดประกายความสำคัญของ Think Tank ได้สักพักใหญ่ๆแล้ว ตามลิ้งค์นี้ค่ะhttp://www.siamintelligence.com/songsak-interview/ แต่น่าแปลกมากค่ะเรื่องดีๆอย่างนี้ไม่ถูกกดไลค์ในเฟซบุ๊คและแทบจะไม่ได้รับความสำคัญเลย น่าเสียดายจริงๆค่ะคนดีไม่มีที่ยืนในสังคมไทย สุดท้ายนี้ขอฝากคำพูดของคุณทรงศัก สายเชื้อ ไว้นะคะ
        “ต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้ การศึกษาวิจัย การใช้วิจารณญาณที่มีข้อมูล ที่มีการศึกษารองรับ มากกว่าการใช้วาทศิลป์ในการตอบโต้กัน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น